Categories
รีวิวอนิเมะ

Yuri!!! on ICE – เปิดโลกอนิเมะกีฬาฟิกเกอร์สเก็ต

หากจะให้แนะนำอนิเมะกีฬาที่แปลกใหม่ของประเทศญี่ปุ่น Yuri!!! on ICE ถือเป็นหนึ่งในอนิเมะที่นำเสนอเรื่องราวของการแข่งขันกีฬาฟิกเกอร์สเก็ต (Figure Skating) หรือ สเก็ตลีลา ได้อย่างน่าสนใจ โดยอนิเมะซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 12 ตอน ออกอากาศตอนแรกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2016 และสิ้นสุดในวันที่ 22 ธันวาคม 2016 ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2016

เหตุใดจึงทำให้อนิเมะ Yuri!!! on ICE เป็นที่นิยมในปี 2016

อนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้มีต้นฉบับมาจากมังงะหรือนิยายใดๆ ทำให้ไม่มีใครสามารถทราบถึงตอนจบของเรื่องราวได้ จึงทำให้เป็นอนิเมะน่าดูที่ชวนให้ติดตามอย่างมากว่าจะมีตอนจบอย่างไร ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ต้องทำให้อนิเมะเรื่องนี้เป็นที่นิยมในปี 2016 เป็นเพราะ

Yuri!!! on ICE เป็นอนิเมะที่มีการดำเนินเรื่องเกี่ยวกับฟิกเกอร์สเก็ตที่น่าสนใจ

อนิเมะฮิตเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ “คัตสึกิ ยูริ” เด็กหนุ่มวัย 23 ปีดีกรีนักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตสัญชาติญี่ปุ่นที่ตกรอบจากการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ (Gran Prix) รอบสุดท้าย จึงทำให้ขาดความมั่นใจและถอดใจกับการเล่นกีฬาสเก็ตไปสักระยะ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ไปฝึกซ้อมสเก็ตที่ลานสเก็ตใกล้บ้าน และได้พบกับ “วิกเตอร์ นิกิฟอรอฟ” นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตมืออาชีพที่เข้าชมการแสดงของเขาอยู่ และได้เสนอตัวเป็นโค้ชให้กับยูริ 

แม้ภายในเรื่องจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา แต่อนิเมะเรื่องนี้ก็ไม่ได้นำเสนอเฉพาะตอนแข่งขันหรือฝึกซ้อมอย่างเดียว แต่ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครหลักได้อย่างน่าสนใจ ทั้งฉากตลก ฉากเศร้า หรือแม้กระทั่งฉากโรแมนติกที่สาวๆ ต้องแอบกรื๊ดไปจิ้นกันระหว่าง 2 ตัวละครหลัก 

Yuri!!! on ICE เป็นอนิเมะสำหรับสาววายชวนจิ้น

จากที่ได้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวละครอย่าง “คัตสึกิ ยูริ” และ “วิกเตอร์ นิกิฟอรอฟ” บางคนอาจจะยังคลุมเครือไม่เข้าใจในรูปแบบความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ทีมงานพยายามบอกใบ้อธิบายตัวตนบางอย่างของวิคเตอร์ออกมา เช่น ฉากที่วิคเตอร์ให้แหวนยูริในร้านอาหาร หรือฉากที่วิคเตอร์เข้าไปกอดยูริ แม้จะยังไม่ชัดเจนแน่ชัด แต่หากถามว่าเป็น อนิเมะวายหรือไม่ คงอยู่ที่แต่ละคนจะคิดแล้วล่ะ

ตัวละครของเรื่อง Yuri!!! on ICE ที่น่าสนใจ

ภายในอนิเมะเรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครจากหลากหลายสัญชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน Grand Prix ซึ่งทีมนักดีไซน์ตัวละคร ได้มีการออกแบบตัวละครโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักกีฬาสเก็ตตัวจริงอีกด้วย ซึ่งมีตัวละครหลักที่ดำเนินเรื่องเป็นชาวญี่ปุ่น และชาวรัสเซีย รวมถึงยังมีตัวละครจากประเทศไทยด้วย

ตัวละครหลักใน Yuri!!! on ICE

อนิเมะยอดนิยม เรื่องนี้ผลิตโดยสตูดิโอ MAPPA ซึ่งเป็นสตูดิโอที่เคยฝากผลงานการผลิตอนิเมะชื่อดังเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้คุณ เคนจิ มิยาโมโตะ เป็นผู้ออกแบบท่าเต้นต่างๆ ให้ ซึ่งตัวละครหลักประกอบไปด้วย

ยูริ คัตสึกิ – นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตสัญชาติญี่ปุ่นวัย 23 ปี เคยตกรอบการแข่งขัน Grand Prix จึงทำให้กลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ
วิคเตอร์ นีกีฟอรอฟ – นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตมืออาชีพสัญชาติรัสเซียวัย 27 ปี ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากวางมือก็ได้มาเป็นโค้ชให้กับยูริ
ยูริ พลีเซทสกี – นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตสัญชาติรัสเซียวัย 25 ปี หนึ่งในรุ่นเยาวชนที่เคยแข่งขันปีเดียวกับที่ยูริ คัตสึกิตกรอบ

ตัวละครคนไทยใน Yuri!!! on ICE ที่สร้างกระแสในประเทศไทย

หากพูดถึงตัวละครรองที่ได้รับความนิยมพอๆ กับตัวละครหลักต้องพูดถึง “พิชิต จุฬานนท์” นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตสัญชาติไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในไทยและในญี่ปุ่น ด้วยบุคคลที่สดใส ใจดี แม้จะยังไม่มีอนิเมะพากย์ไทยฉบับออกมา แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบในน้ำเสียงการพากย์ของ Ono Kensho ผู้ให้เสียงพากย์อันแสนน่ารักของพิชิตคุง

ฉากที่สมจริงใน Yuri!!! on ICE ที่ประเทศไทย

สำหรับอนิเมะในปัจจุบันหลายๆ เรื่อง มักจะมีการใช้สถานที่จริงในประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบในการสร้างฉากต่างๆ ของเรื่อง รวมถึงอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งได้มีการสร้างฉากที่สมจริงรวมถึงที่ประเทศไทยอย่าง อิมพีเรียลเวิลด์ ให้เห็นในฉากเปิดตัวของ “พิชิต จุฬานนท์” ด้วย ซึ่งรายละเอียดพวกเสาไฟฟ้า ห้างบิ๊กซี ทางทีมงานได้มีการออกแบบได้เหมือนฉบับไทยแลนด์สุดๆ จนมีคนไทยตามรอยไปยังสถานที่นั้นๆ ด้วยล่ะ

Yuri!!! on ICE ไม่ใช่แค่อนิเมะกีฬา แต่ยังมีเสียงเพลงให้ได้ฟังด้วย

สำหรับการแข่งขันฟิกเกอร์สเก็ต เป็นการแสดงประกอบเสียงดนตรี ซึ่งผู้แข่งขันต้องฝึกการแสดงท่าทางให้สอดคล้องกับบทเพลง สำหรับอนิเมะดังเรื่องนี้ ได้มีการแต่งเพลงขึ้นใหม่สำหรับนักกีฬาแต่ละคน ซึ่งสร้างจุดเด่นให้ตัวละครนั้นๆ มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก หากใครชอบกีฬาที่เน้นความสวยงาม มีบทเพลงเพราะๆ ให้ได้ฟังขณะดูอนิเมะ ต้องไม่พลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

ข่าวการเลื่อนฉายของภาพยนตร์ Yuri!!! on ICE

หลังจากมีประกาศกำหนดการฉายของภาพยนตร์ Ice Adolescence ในปี 2019 ซึ่งเป็นภาคต่อจากอนิเมะฟิกเกอร์สเก็ตเรื่องนี้ ทางคณะกรรมการผู้ผลิตอนิเมะได้ประกาศเลื่อนฉายภาพยนตร์นี้ออกไปโดยยังไม่มีกำหนด โดยระบุสาเหตุเพื่อเพิ่มเนื้อหาของภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นจากแผนงานดั้งเดิม ซึ่งในปี 2020 ทางทีมผู้ผลิตได้มีการปล่อยตัวอย่าง PV ของภาพยนตร์ออกมาทาง Twitter ซึ่งหวังว่าจะได้รับชมในอีกเร็วๆ นี้นะ

บทสรุปรีวิว Yuri!!! on ICE อนิเมะสนุกที่ผสมผสานทุกรสชาติ 

มองผิวเผินอาจจะคิดว่ากีฬาฟิกเกอร์สเก็ตไม่ได้รับความสนใจที่ประเทศญี่ปุ่น เทียบเท่ากับกีฬาที่เล่นเป็นทีมอย่างฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอล แต่จริงๆ แล้วหลังจากที่ได้ดูอนิเมะเรื่องนี้ถือเป็นการเปิดโลกวงการกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตมาก เพราะที่ญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ใครที่ชอบกีฬาที่แสดงท่วงท่าอันสวยงาม การดำเนินเรื่องราวที่น่าติดตาม สนุกครบรส ต้องไม่พลาดอนิเมะเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

Categories
รีวิวอนิเมะ

Kimi to Boku – อนิเมะแนวอบอุ่น Feeling Good ในรั้วโรงเรียน

อีกหนึ่งในอนิเมะแนวอบอุ่นหัวใจที่ต้องแนะนำให้รู้จัก ด้วยการดำเนินเรื่องและฉากต่างๆ ที่สวยงาม ได้กลิ่นอายบรรยากาศสบายๆ Feeling Good แบบฤดูใบไม้ผลิ แม้จะเป็นอนิเมะที่ไม่ได้มีกระแสวงกว้างในไทย แต่ด้วยมิตรภาพอันสวยงาม และความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กหนุ่มทั้ง 5 คนในอนิเมะเรื่องนี้ พวกเขาจะมาทำหัวใจของทุกคนพองโตแน่นอน

ทีมสร้างและที่มาของอนิเมะ Kimi to Boku

อนิเมะน่าดูเรื่องนี้มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า (君と僕) หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “เธอและผม” เป็นอนิเมะแนวชีวิตในโรงเรียน ตลกคอมเมดี้ และมีเรื่องราวรักโรแมนติกของวัยรุ่นเด็กหนุ่มทั้ง 5 คนด้วย ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้ผลิตโดยสตูดิโอ J.C. Staff ได้รับผู้กับอย่างคุณ Mamoru Kanbe มาเป็นผู้กำกับเรื่องราว และได้คุณ Reiko Yoshida มาเป็นผู้เขียนสคลิปบทของอนิเมะเรื่องนี้

ซึ่งอนิเมะน่ารักเรื่องนี้เป็นผลงานที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนฉบับมังงะ และได้มีการถูกนำมาสร้างเป็นเรื่องราวในรูปแบบฉบับอนิเมะ จำนวน 2 ซีซั่น โดยออกฉายซีซั่นแรกเมื่อเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2011 และสิ้นสุดซีซั่น 2 เมื่อเดือนเมษายน – มิถุนายน 2012 โดยฉายทางทีวีช่อง TV Tokyo ของประเทศญี่ปุ่น เป็นจำนวนซีซั่นละ 13 ตอน 

มังงะ Kimi to Boku ที่นำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะแสนสนุก

อนิเมะสนุกเรื่องนี้ได้รับต้นฉบับมาจากผลงานมังงะญี่ปุ่นของคุณ Kiichi Hotta ซึ่งได้มีการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2004 โดยสำนักพิมพ์ Square Enix ด้วยเรื่องราวที่น่ารัก จนเป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาววัยรุ่น จึงทำให้หลังจากนั้น 7 ปีต่อมา การ์ตูนเรื่องนี้จึงได้มีการทำเป็นฉบับอนิเมะ

ปัจจุบันมังงะเรื่อง Kimi to Bokuได้มีการตีพิมพ์วางจำหน่ายการ์ตูนที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 15 เล่ม (ยังไม่จบ) แต่สำหรับในประเทศไทยยังไม่มีสำนักพิมพ์ใดซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้ไป หากเพื่อนๆ คนใดสนใจอ่านฉบับมังงะ แนะนำให้ลองหาอ่านแบบฉบับภาษาอังกฤษกันนะ

เนื้อเรื่องและเรื่องราวความสนุกของ Kimi to Boku

เรื่องราวของอนิเมะซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตในโรงเรียนของเด็กมัธยมปลายทั้งสี่คน ได้แก่ ชุน, คานาเมะ, ยูกิ และยูตะ แก๊งค์เด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาล ซึ่งในมัธยมปลายก็เช่นเดียวกัน พวกเขาทั้ง 4 ได้เข้าเรียนที่เดียวกันที่โรงเรียนโฮมาเระ โดยชุนอยู่ห้องเดียวกับยูตะ ส่วนคานาเมะอยู่ห้องเดียวกับยูกิ

และแล้วชีวิตของพวกเขาทั้ง 4 ก็เริ่มสนุกยิ่งขึ้น เมื่อนักเรียนใหม่ที่ชื่อ “จิซึรุ” ได้ย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับยูกิ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าสมัยเด็กของจิซึรุ แต่ยูกิกลับจำเขาไม่ได้ ด้วยความสดใสของจิซึรุที่ค่อยๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งค์ของพวกเขาทั้ง 4 ทำให้เรื่องราวชีวิตประจำวันของพวกเขามีรอยยิ้มและสนุกยิ่งขึ้น

แนะนำเด็กหนุ่มทั้ง 5 จากเรื่อง Kimi to Boku

เรื่องราวมิตรภาพของเด็กหนุ่มทั้ง 5 คนเป็นเหมือนสีสันของเรื่องราวในอนิเมะเรื่องนี้ ด้วยความน่ารัก ความกวนโอ้ย ซึ่งแต่ละคนก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน ถือว่าเป็นเสน่ห์ของแต่ละตัวละครที่ทำให้สาวๆ ชื่นชอบ ซึ่งตัวละครหลักใน Kimi to Boku ทั้ง 5 คนได้แก่ – มัทสึโอกะ ชุน : เด็กหนุ่มหน้าหวานผู้แสนอ่อนโยน แต่ก่อนไว้ผมยาวเหมือนผู้หญิงจนจิซึรุเข้าใจผิด แต่ต่อมาก็ได้ตัดสินใจตัดผมสั้น เป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยน คอยห่วงใยเทคแคร์เพื่อนๆ อยู่เสมอ  – สึกาฮาระ คานาเมะ : หนุ่มแว่นมาดขรึม ผู้แสนจริงจังและมุ่งมั่น เป็นถึงหัวหน้าและและสมาชิกสภานักเรียน ด้วยบุคลิกที่จู้จี้จุกจิก จึงทำให้เพื่อนๆ ล้อว่าเหมือนตาแก่  – อาซาบะ ยูกิ : แฝดคนน้องของครอบครัวตระกูลอาซาบะ มีนิสัยเอื่อยเฉื่อย ขี้เกียจ ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ต้องทำเป็นชิ้นเป็นอัน มีงานอดิเรกชอบอ่านมังงะและดูอนิเมะ แม้จะมีเซ้นท์ในเรื่องกีฬาต่างๆ แต่ยูกิก็ไม่ได้มีความสนใจในกีฬาประเภทใดเป็นพิเศษ – อาซาบะ ยูตะ : แฝดคนพี่ของครอบครัวตระกูลอาซาบะ มีนิสัยที่ดูเป็นผู้ใหญ่และโตกว่ายูกิ ยูตะเป็นคนเงียบๆ สุขุม ใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เป็นคนที่ป๊อปในหมู่สาวๆ ที่สุดในแก๊งค์ – ทาจิบานะ จิซึรุ : เด็กหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมัน ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนเข้ามาใหม่ มีนิสัยร่าเริง เสียงดัง สร้างสีสันให้กับเพื่อนๆ ทำให้เขาสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งค์นี้ได้อย่างง่ายดาย สาเหตุที่ Kimi to Boku เป็นอนิเมะที่ควรค่าแก่การรับชม  มังงะก็ไม่มีฉบับแปลไทย ทำไมจึงต้องแนะนำอนิเมะเรื่องนี้ วันนี้เราจะบอกเล่าถึงจุดเด่นของอนิเมะเรื่องนี้ และสาเหตุที่ควรต้องได้ดูให้ได้ทราบกัน บรรยากาศชิลๆ ของ Kimi to Boku ที่ดูได้เรื่อยๆไม่น่าเบื่อ แม้จะเป็นอนิเมะที่ไม่ได้มีพลังวิเศษ หรือมีเนื้อเรื่องที่เป็นแปลกแหวกแนว แต่ก็ถือว่าเป็นอนิเมะแนวชีวิตประจำวันในโรงเรียนที่นำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างครบรส มีทั้งความสนุก อบอุ่น สบายๆ แฝงความตลกเฮฮา และยังมีเรื่องราวรักๆ ภายในโรงเรียนของตัวละครทั้ง 4 ที่จะมาทำให้ทุกคนได้ลุ้นกันว่าพวกเขาจะลงเอยสมหวังหรือไม่ บทเพลงประกอบ Kimi to Boku ที่แสนไพเราะ ไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับเรื่องเพลงประกอบทั้งเพลงเปิดและเพลงปิดของเรื่องนี้ถือว่าไพเราะติดหูมาก รวมถึงซาวน์ประกอบในแต่ละฉาก ที่ฟังแล้วได้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป บางเพลงได้บรรยากาศยามฝนตก บางเพลงได้บรรยากาศยามแดดออก บทเพลงเหล่านั้นทำให้การดำเนินเรื่องมีความไหลลื่น และได้อารมณ์ร่วมไปด้วย ตัวละครทั้ง 5 ของ Kimi to Boku ที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างที่ทราบกันว่าตัวละครทั้ง 5 คนของอนิเมะเรื่องนี้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งมีเอกลักษณ์ในแต่ละคน เมื่อมาอยู่รวมกันแล้วทำให้บรรยากาศสนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสดใสร่าเริงของจิซึรุที่ทำให้ยูกิที่แสนเอื่ยยเฉื่อยค่อยๆ เปิดใจ หรือจะเป็นความจู้จี้จุกจิกของคานาเมะ ที่ได้แฝดพี่และแฝดน้องคอยกลั่นแกล้งสร้างเสียงหัวเราะ หรือจะเป็นความอบอุ่นใจดีของชุน ที่คอยดูแลเพื่อนๆ ทำให้บรรยากาศของอนิเมะเรื่องนี้อบอุ่นยิ่งขึ้น บทสรุปรีวิวอนิเมะเรื่อง Kimi to Boku บางคนอาจจะไม่ได้คุ้นชื่อเรื่องอนิเมะเรื่องนี้ เพราะไม่ได้เป็นอนิเมะที่มีต้นฉบับการ์ตูนมังงะที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย อีกทั้งยังไม่ได้มีฉายลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์อย่าง Netflix หรือช่องทางๆ แต่สำหรับเรื่องราวความสนุกและเนื้อเรื่องที่อบอุ่น สบายๆ และจุดเด่นของตัวละครที่แสนน่ารัก ทำให้เราตัดสินใจนำอนิเมะเรื่องนี้มารีวิวบอกต่อ หากใครต้องรับชมอนิเมะซับไทย สามารถรับชมได้ตามเพจค่ายซับไทยได้เลย
Categories
รีวิวมังงะ

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน การ์ตูนสืบสวนในตำนาน

หากจะให้พูดถึงมังงะที่น่าติดตามที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสืบสวนสอบสวน ไขคดีที่ทั้งสนุก ลุ้นระทึก หักมุมแล้ว เชื่อว่าร้อยละ 90 ขึ้นไปของคนที่คลุกคลีอยู่กับมังงะสายนี้โดยเฉพาะมังงะญี่ปุ่นแล้วคงจะหนีไม่พ้นเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน

เนื้อเรื่องโดยย่อของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้จะเล่าถึง ตัวละครยอดนักสืบชั้นมัธยมปลายอย่าง “คุโด้ ชินอิจิ” ที่วันหนึ่งไปเที่ยวสวนสนุกกับเพื่อนคนสนิทอย่าง “โมริ รัน” จนเขาไปเห็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยเข้า จนกระทั่งถูกทำให้สลบไป และคุโด้ถูกกรอกยาจากชายปริศนาคนหนึ่งที่เดินเข้ามาภายหลัง ซึ่งเขาเข้าใจยาเม็ดนี้มีประสิทธิภาพทำให้ร่างสลายหายไป

แต่ความจริงแล้วยาเม็ดนี้กลับทำให้ชินอิจิตัวหดเล็กลงเท่าเด็กประถมต้นเท่านั้น เมื่อภายหลังเขาได้รู้ว่านั่นเป็นฝีมือของสมาชิกองค์กรชุดดำ จึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายเลยทำให้ต้องปลอมตัวและใช้นามแฝงว่า “เอโดงาวะ โคนัน” และไปพักอาศัยอยู่กับ “โมริ โคโกโร่” พ่อของรันที่สำนักงานนักสืบโมริเพื่อติดตามข่าวสารถึงองค์กรดังกล่าว

ซึ่งจากการที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นเด็กนั้น ทำให้ต้องไปพัวพันกับบุคคลต่างๆ ทั้งขบวนการนักสืบเยาวชน นักสืบ กรมตำรวจ องค์กรระดับโลก รวมถึงบุคคลที่มาจากองค์กรชุดดำอีกด้วย

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันที่เป็นมากกว่ามังงะสืบสวน

จุดเริ่มต้นของคือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ว่าด้วยด้วยเนื้อหาสืบสวนสุดแสนจะเข้มข้นและหลากหลายมิติ ซึ่งต้องใช้ความอัจฉริยะของคนเขียนอย่าง โกโช อาโอยามะ ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง และถ้านักอ่านได้ใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ตามไปด้วย นักอ่านจะได้มากกว่าจากความบันเทิงแน่นอน

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันกับตัวละครที่มีมิติ

จุดเด่นสำคัญๆของมังงะขายดีเรื่องนี้ก็คือการออกแบบตัวละครที่มีความเฉพาะตัว รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร หรือ แรงจูงใจในการใช้การก่อคดีของคนร้าย ซึ่งบางครั้ง ตัวละครเหล่านี้ก็มีมุมของความรัก โลภ โกรธ หลง เฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป เช่น นักสืบเยาวชนที่สดใสและนิสัยต่างกัน ตำรวจนครบาลที่บ้างก็ลึกลับ สุขุม บ้างก็ขี้เล่น เป็นกันเอง หรือแม้แต่พวกองค์กรชุดดำที่ลึกลับและเดาทางไม่ได้

กลยุทธ์ชื่อตัวละครที่มัดใจคนอ่านในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

ชื่ออันเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำในมังงะเรื่องนี้ คือหนึ่งในสิ่งที่ครองใจผู้อ่านเช่น คนจากองค์กรชุดดำที่จะไม่ใช้ชื่อจริง แต่กลับใช้ “โค้ดเนม” ที่ใช้ชื่อ “เหล้า” แทนเช่น “ยิน” “ว้อดก้า” หรือ “เบลมอท” นั่นเอง

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันกับเนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อน

เนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนคือกลเม็ดหลักที่เป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าบรรดานักอ่านมังงะสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้นั้นจะมีรูปแบบของคดีที่หลากหลาย ที่ไม่ได้มีแค่การฆาตกรรมเพียงเท่านั้น แต่ยังมีตั้งแต่การลักพาตัว การปล้นธนาคาร ไปจนถึงการฟัดฟันสนั่นแหลกของคดีระดับองค์กรต่อองค์กร นอกจากนี้โครงสร้างของเนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ชาญฉลาดและหักมุมไปมา ทำให้ยากต่อการคาดเดาอีกด้วย

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันกับศาสตร์ในการไขคดี

สิ่งที่ทำให้นักอ่านรู้สึกตกตะลึงได้ในหลายๆครั้ง คือกุญแจสำคัญในการสืบสวน เรียกได้ว่าในเรื่องนั้น มีการใช้หลายศาสตร์ในการไขคดีเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่หลักวิทยาศาสตร์อย่าง ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ จนไปถึงหลักโบราณคดี ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา หรือแม้แต่ภาษาต่างประเทศ นี่จึงเป็นเหมือนการที่นักอ่านได้อยู่ในลานประลองได้เห็นการซ่อนหาและวิ่งไล่จับของทั้งสองฝั่ง

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันกับลูกเล่นต่างๆ

นอกจากพาร์ทสืบสวน ลุ้นระทึกที่มีมาอย่างต่อเนื่องแล้วยังสอดแทรก ฉากโรแมนติก ความตลกขบขัน ดราม่า แต่ที่จุดเด่นคือความแฟนตาซีผ่านสิ่งประดิษฐ์ที่จะสามารถเป็นตัวช่วยให้กับ “เอโดงาวะ โคนัน” ในยามสถานการณ์คับขันได้ดี ซึ่งนี่เป็นจุดที่โกโช อาโอยามะ ได้ใส่ลูกเล่นต่างๆที่ผู้เขียนเลือกที่จะหยอดเข้าไปในเรื่องอีกมากมาย

สิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

ผู้อ่านต่างชื่นชอบในสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้จาก นักวิทยาศาสตร์อย่าง “ดร. อากาสะ ฮิโรชิ” ด้วย ไม่ว่าจะเป็น หูกระต่ายเปลี่ยนเสียงที่สามารถเปลี่ยนได้ตั้งแต่เสียงเด็ก ผู้หญิง คนชรา หรือนาฬิกาที่มีปืนยาสลบและไฟฉายในตัวที่โคนันใช้เกือบแทบทุกตอน รองเท้าเพิ่มพลังเตะกับเข็มขัดลูกบอลที่ตัวเอกใช้อัดคนร้ายจนสลบไป หรือแม้แต่แว่นตาสะกดรอย ที่สามารถดักฟัง และส่องทางไกลได้ด้วย

การต่อยอดจากความประสบความสำเร็จของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

มีการต่อยอดจากความประสบความสำเร็จของมังงะยอดนิยมในหลายๆเรื่อง นั่นคือการออกเป็นภาคเดอะมูฟวี่ที่ในปัจจุบันมีมากถึง 24 ภาค ด้วยการพาคุณนักอ่านก้าวเข้าสู่โจทย์การไขคดีแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปริศนาเกี่ยวกับดนตรี, สายลับจากอีกประเทศ, วัตถุโบราณ,กรุงลอนดอนยุคแจ็ค เดอะริปเปอร์ หรือแม้แต่จักรวาลขยายขององค์กรชุดดำที่ใครหลายคนต่างลุ้นระทึกว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เรียกได้ว่าในเวอร์ชั่นเดอะมูฟวี่นั้นเข้าไปไขคดีตั้งบนบก ในน้ำ รวมถึงบนอากาศเลยทีเดียว

ยอดนักสืบจิ๋วโคนันกับกระแสตอบรับที่ดีมากว่า 25 ปี

อนิเมะเรื่องนี้ได้สร้างความประทับใจแก่นักอ่านกว่า 25 ปีแล้ว จากหนังสือการ์ตูนขายดีสู่มังงะยอดฮิตมากกว่า 1,000 ตอนรวมถึงเดอะมูฟวี่ในหลายภาค ส่งผลให้ ถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้วกว่า 19 ประเทศทั้งฝั่งยุโรป และฝั่งเอเชีย

รวมถึงพิพิธภัณฑ์โคนันยอดนักสืบ ในเมืองโฮคุเออิ ในจังหวัดต็อตโตริ ที่สร้างขึ้นเพื่อเหล่าบรรดาแฟนคลับนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ หุ่นจำลอง ห้องทำงานจำลองของผู้เขียนและอีกมากมายเลย

ทำไมถึงควรอ่านยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

ถึงแม้ว่ามหากาพย์ของมังงะสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้จะยังเดินทางมาไม่ถึงตอนจบ และดูเหมือนว่าความซับซ้อนของเรื่องนี้จะมีมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม แต่ทว่าเหล่าบรรดาเหล่าแฟนคลับก็ไม่ได้มีลดน้อยลงเลย ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นหลักฐานชั้นดีที่ไม่ต้องสืบว่าทำไมถึงได้ประสบความสำเร็จ และยังเป็นเรื่องที่ใครต่อใครแนะนำกันแบบปากต่อปาก

Categories
รีวิวมังงะ

Gantz ปริศนาลูกบอลปริศนา มังงะดังในตำนาน

มังงะแนวแอคชั่น-ไซไฟ ที่เคยเป็นมังงะยอดนิยมในยุคสมัยปี 2000 ด้วยเรื่องราวที่แปลกใหม่ของลูกบอลปริศนาสีดำ ที่สร้างกิมมิคของเรื่องนี้ นอกจากนี้มังงะเรื่องนี้ยังได้มีการถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะและภาพยนตร์ แต่เนื้อหาที่มีความรุนแรง จึงจัดอยู่ในมังงะแนว 18+ สำหรับคนที่ชอบแนวเลือดสาดต้องไม่พลาดกับมังงะดังในตำนานเรื่องนี้เลย

ประวัติความเป็นมาของมังงะเรื่อง Gantz

มังงะเรื่องนี้เป็นผลงานการเขียนและวาดโดยคุณ Oku Hitoya โดยสำนักพิมพ์ Shueisha และจัดอยู่หมวดหนังสือการ์ตูน Seinen  หรือการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นมังงะเรท 18+ มีเนื้อหารุนแรง เลือดสาด และมีฉากเซอร์วิสค่อนข้างเยอะ โดยวางขายที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2000-2013 ปัจจุบันมี 37 เล่มจบ และมังงะเรื่องนี้ยังมีสิทธิ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ด้วยเช่นเดียวกัน

จากมังงะ Gantz สู่อนิเมะ

มังงะขายดีเรื่องนี้ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะ โดยได้รับคุณ Itano Ichiro มาเป็นผู้กำกับ และผลิตโดย Gonzo สตูดิโอ ออกฉายจำนวน 26 ตอน แบ่งเป็น 2 ซีซั่น ฉายตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2004 – 18 พฤศจิกายน 2004 และได้มีการนำมาทำเป็นหนังอนิเมะแบบ CGI ฉายเมื่อปี 2016 

จากมังงะ Gantz สู่ภาพยนตร์

นอกจากได้มีการมาดัดแปลงเป็นฉบับอนิเมะฉายทางประเทศญี่ปุ่นแล้ว มังงะยอดฮิตเรื่องนี้ยังได้มีการสร้างเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงซึ่งมีการเข้าฉายเมื่อวันที่ปี 2010 และมีภาคสองเข้าฉายในปี 2011 ในชื่อภาคว่า Perfect Answer ซึ่งสำหรับเรื่องราวในภาพยนตร์นี้จะมีฉากจบที่แตกต่างจากในมังงะ 

เนื้อเรื่องโดยย่อของ Gantz สู่เรื่องราวการต่อสู้

หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นสุดโหดเรื่องนี้ เริ่มต้นที่เรื่องราวของ “คุโรโนะ เคย์” เด็กหนุ่มมัธยมปลายปลายผู้เห็นแก่ตัวและไม่สนใจผู้อื่น วันหนึ่งขณะที่เขากำลังยืนรอรถไฟใต้ดินเพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน เขาบังเอิญได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยประถม “คาโต้ มาซารุ” ที่กำลังช่วยชีวิตชายขี้เมาคนหนึ่งที่เผลอตกลงไปในรางรถไฟให้ขึ้นมา คุโรโนะพยายามไม่สบตากับคาโต้ แต่คาโต้ได้เหลือบไปเห็นคุโรโนะ จึงได้ตะโกนเรียกให้เขาเข้าไปช่วย

ด้วยเหตุการณ์นั้นทำให้คุโรโนะต้องจำใจลงไปช่วย และเกิดเหตุการณ์พลิกผันทำให้ทั้งคู่ต้องเสียชีวิตจากการถูกรถไฟพุ่งเข้าชนที่สถานี เมื่อทั้งคู่ได้สติกลับมา ก็พบกับห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีลูกบอลสีดำปริศนาวางอยู่ รวมถึงกลุ่มคนที่คิดว่าตัวเองตายแล้ว ซึ่งลูกบอลนั้นได้แจ้งถึงภารกิจที่พวกเขาต้องไปจำกัดเป้าหมายก่อนเวลาหมด ซึ่งหากสะสมจากภารกิจได้ถึง 100 คะแนน พวกเขาจะสามารถเลือกรางวัลต่างๆได้

รางวัลของลูกบอล Gantz

สำหรับภารกิจต่างๆของลูกบอลสีดำ จะมีคะแนนแตกต่างไปแล้วแต่ความสามารถของเป้าหมาย ซึ่งเงื่อนไขการได้คะแนนของมังงะญี่ปุ่นขายดีเรื่องนี้คือต้องกำจัดเป้าหมาย (แค่สร้างความเสียหายก็ได้) และต้องมีชีวิตรอดกลับมาที่ห้อง โดยหากสามารถทำได้ถึง 100 คะแนน จะสามารถเลือกรางวัลได้ดังต่อไปนี้

  1. เป็นอิสระ : คือการกลับไปใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้งโดยไม่กลับมาในห้องนี้อีก ซึ่งหากเลือกเงื่อนไขข้อนี้ คนๆนั้นจะต้องถูกลบความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ภายในห้อง เพื่อกลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ
  2. อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง : คือการได้รับอาวุธใหม่ที่มีความรุนแรงกว่าเดิม (ไม่ระบุว่าคนที่เลือกข้อนี้ต้องใช้แค่คนเดียว คนอื่นก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน) ซึ่งหากเลือกข้อนี้คนๆ นั้นจะยังคงต้องกลับมาที่ห้องอีก 
  3. ฟื้นคืนชีพให้คนอื่น : คือการฟื้นคืนชีพให้กับคนที่มีรายชื่ออยู่ในหน่วยความจำของกันสึ หรือก็คือต้องเป็นคนที่เคยเสียชีวิตจากการทำภารกิจในห้องนี้ โดยผู้ที่ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจะสามารถจำเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวเองจะเสียชีวิตได้

ตัวละครที่น่าสนใจใน Gantz 

สำหรับตัวละครของมังงะเลือดสาดเรื่องนี้ จะมีด้วยกันหลากหลายคน บางคนจะมาท้ายๆ เรื่อง ซึ่งตัวละครหลักของเรื่องนี้ได้แก่

– คุโรโนะ เคย์ : เด็กหนุ่มมัธยมปลาย ตัวละครเอกของเรื่องนี้ มีนิสัยเห็นแก่ตัว ไม่ชอบช่วยเหลือใครเพราะเคยมีเหตุการณ์ไม่ดีในอดีตมาก่อน แต่จริงๆ แล้วคุโรโนะเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก และมีทักษะการต่อสู้ ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดจากภารกิจต่างๆ ได้

– คาโต้ มาซารุ : เด็กหนุ่มมัธยมปลายเพื่อสมัยเด็กของคุโรโนะ เป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น คาโต้นับถือในตัวคุโรโนะมากเพราะคุโรโนะเคยช่วยเหลือเขาจากการโดนรังแกสมัยเด็กมาก่อน แม้จะเป็นคนใจดี แต่คาโต้ก็เป็นคนที่ขี้ลังเล แต่ก็ยอมเป็นหัวหน้าเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องลำบาก

– คิชิโมโตะ เคย์ : หญิงสาวที่ฆ่าตัวตายในห้องน้ำก่อนจะมาโผล่ที่ห้องของกันสึ ด้วยหน้าตาที่น่ารักจึงทำให้คุโรโนะตกหลุมรัก แต่คิชิโมโตะกลับตกหลุมรักคาโต้แทน ช่วงแรกเธอยังไม่กล้าสู้ แต่หลังจากคาโต้ปกป้องเธอ เธอจึงเลือกที่หันหน้าสู้เพื่อเขาบ้าง

สาเหตุที่ควรดูมังงะ Gantz ภารกิจต่อสู้กับเอเลี่ยน

สำหรับใครชื่นชอบมังงะแนวเลือดสาด บู๊มันๆ แอคชั่นกระจายไม่อ่านไม่ได้เลย เพราะเรื่องนี้ลายเส้นก็ดี เนื้อเรื่องก็งาม จนได้รับการตีพิมพ์อีกครั้งในประเทศไทย เพราะการได้นำภาพยนตร์มาฉายนี่แหละ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ควรอ่านมังงะเรื่องนี้ ได้แก่

1. ปริศนาของลูกบอลดำ Gantz ที่สร้างกิมมิคให้กับเรื่อง

ตอนแรกอาจจะคิดว่าเป็นแค่การ์ตูนเลือดสาด ฆ่ากันเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ได้นำลูกบอลสีดำเข้ามาเป็นกิมมิคของเรื่องทำให้มีความน่าสนใจ ซึ่งการดำเนินเรื่องราวให้คนที่ตายแล้วกลับมาอยู่ในห้องเช่านี้เพื่อทำภารกิจ ก็มีการอ้างอิงตามความเชื่อในโลกแห่งความตายของญี่ปุ่นที่วิญญาณของคนตายจะมาสุ่มอยู่ในห้องๆหนึ่ง โดยเรื่องนี้ยังมีภารกิจให้คนที่ตายแล้วทำเพื่อต่อสู้กับเอเลี่ยน และสะสมคะแนนเพื่อออกไปยังโลกปกติ